The Niche id ladprao 130 Resort Condominium
The Niche id ลาดพร้าว 130 นี่แหละครับ โดย The Niche id จะยังคงความเป็น Resort Condominium ไว้ กำลังจะนำเสนอให้ท่านผู้อ่านทราบว่าคอนโดมิเนียมสไตล์รีสอร์ทเป็นอย่างไร
VDO REVIEW พาชมห้องตัวอย่าง
- The Niche id ลาดพร้าว 130
- Sena Development, Plc.
- คอนโด Low Rise 2 อาคาร 8 ชั้น 370 ยูนิต
- เนื้อที่โครงการประมาณ 4-0-32.6 ไร่
- ขนาดห้อง 28 – 54 ตารางเมตร
- Studio / 1 Bed / 2 Beds
- ราคาขายประมาณ 1.1 – 3 ล้านบาท
- ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 40,000 บาท ต่อตารางเมตร
เจาะลึกทำเลที่ตั้ง
The Niche id “ลาดพร้าว 130″ แค่ฟังชื่อทำเลแต่ละคนคงจะร้องกันระงมอุทานว่า ทำไมคอนโดมันไปขึ้นไกลอย่างนี้ ถึงลาดพร้าว 100 กว่าเลยเหรอ … ฟังไม่ผิดหรอกครับ ทำเลแบบนี้เป็นความถนัดของเสนา Development ที่สามารถปั้นโปรเจคในจุดที่อยู่รอบเมืองในราคาย่อมเยา จับตลาดคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนของตัวเอง ว่าหากจะซื้อ Townhome ก็ต้องจ่าย 3-5 ล้าน ไม่สามารถจ่ายไหวแต่ก็ยังมีความต้องการอยากได้บ้าน ให้หันมามองคอนโดในราคาล้านเศษๆแทน
เดอะนิช ไอดี คอนโด ลาดพร้าว 130 จริงๆแล้วไม่ได้อยู่ในซอย 130 เสียทีเดียว เพราะสามารถเข้าออกได้ตั้งแต่ซอย 128/2/3/4 หรือไดรฟ์อินสแควร์ 2 และ 3 มากันได้ทั้งหมด แต่ก็คือซอย 130 เป็นจุดที่สังเกตง่ายหากคนที่ขับรถมาจากทางด่วนรามอินทราจะกลับรถ และก็เป็นซอยที่กว้าง มองเห็นป้ายซอยชัดเจน รู้ว่า The Niche id ลาดพร้าว 130 ตั้งอยู่ข้างใน
จากภาพถ่ายทางอากาศจะเห็นว่ามี The Niche อยู่ทั้งหมด 2 โครงการ ก็คือ City โครงการที่ปิดการขายไปแล้ว กับ id โครงการที่ขายไปแล้วประมาณ 30% จากตำแหน่งการวางผังโครงการ ก็จะพบว่าทำเลใกล้เคียงกันมาก ไม่ค่อยมีประเด็นเท่าไรว่าอันไหนดีกว่ากัน แต่ถ้าจะพูดกันจริงๆก็ต้องบอกว่า The Niche id ทำเลดีกว่านิดนึง เพราะอยู่ด้านหน้ามากกว่า … ก็นิดเดียวจริงๆครับ
ซอยที่ตั้งของ The Niche id นี้สามารถเข้าออกได้ 2 ทาง คือลาดพร้าว 130 และรามคำแหง 81 ซึ่งปากซอยฝั่งรามคำแหงนั้นจะอยู่เยื้องๆโรงพยาบาลรามคำแหงนิดนึง ช่วงก่อนที่ถนนรามคำแหงจะไปบรรจบกับถนนศรีนครินทร์ จากปากซอยฝั่งรามคำแหงหากจะวิ่งไปยังมหาวิทยาลัยรามคำแหงหรือ ABAC ต่างก็ใช้ระยะทางไม่เกิน 1.5 กิโลเมตร และวัดระยะห่างจาก The Mall รามคำแหงมาปากซอยได้ประมาณ 3 กิโลเมตรครับ
ซึ่งจริงๆแล้วคนที่อยู่แถวนี้คงจะไม่ไปไกลถึง เดอะมอลล์ รามคำแหง แต่จะใช้ชีวิตอยู่กับ The Mall บางกะปิมากกว่า ด้วยระยะห่างแถวๆ 1.3 กิโลเมตร ทำให้การเดินทางไป The Mall บางกะปิทำได้ไม่ยาก
เรามาดูการจราจรด้วยรถยนต์จากในเมืองกันบ้าง จากภาพข้างบนผมก็ขับรถมาเรื่อยๆจากเส้นเลียบทางด่วน สภาพการจราจรโดยรวมก็เดาได้ เห็นรถกันเป็นแผงแบบนี้ เส้นลาดพร้าวเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
จากเลียบด่วนลาดพร้าวก็ต้องวิ่งผ่าน Big C ไปอีกระยะหนึ่ง
ตรงไปเรื่อยๆผ่านโรงพยาบาลลาดพร้าวไปอีก
กลับรถแถวๆซอย 130 พอดีเป๊ะ แยกนี้ละครับ
เลี้ยวซ้ายเข้าที่ซอย 130 จะเห็นป้าย Billboard ของ The Niche id แสดงอยู่
สภาพซอยเห็นว่าเป็นซอยค่อนข้างใหญ่ ต่อให้รถจอดสองฟากก็ยังสัญจรสวนเลนได้ตามปกติ
เข้ามาไม่ถึง 150 เมตรก็จะเจอป้ายให้เลี้ยวขวาเข้าซอยของซอยอีกรอบ แล้วก็จะถึงแปลงที่ดินกับสำนักงานขาย
เจาะลึกตัวสินค้า
The Niche id ลาดพร้าว 130 เป็นคอนโด Low Rise 2 อาคาร อาคารละ 8 ชั้น มียูนิตผู้อยู่อาศัยรวมทั้งหมด 370 ยูนิต เรียกว่าตึก C และ D เนื่องจากเป็นเฟส 2 ของ The Niche City ตึก A และ B ที่มีอีก 340 ยูนิต แต่ส่วนกลาง สระว่ายน้ำ สวน ที่จอดรถ รวมไปถึงที่ดินและการเข้าออกของลูกบ้านจะแยกกันเด็ดขาด
ตัวตึกที่เห็นเป็น The Niche City ที่สร้างเสร็จไปแล้ว สำหรับ The Niche id คงจะคล้ายๆกัน ผมเลยเก็บภาพมาให้ดูเป็นตัวอย่าง
Master Plan ของโครงการนี้มี Townhome ติดมาด้วย ซึ่งเป็นคนละโครงการขายคนละราคา (6 ล้านบาท) ชื่อว่าโครงการ S Town ที่คนส่วนใหญ่มักจะมาซื้อเปิดบริษัททำออฟฟิศ เพราะว่ามันใกล้ถนนใหญ่ ห่างเพียง 150 เมตร และก็ไม่ไกลจากเดอะมอลล์บางกะปิเท่าไร แต่ทางเข้าออกนั้นแยกกันเด็ดขาด ตัวตึก Townhome ก็สูงแค่ 3 ชั้น พื้นที่ส่วนกลางก็ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ ทำให้ ไม่มีประเด็นในจุดนี้นะครับ
ผังชั้น G จะแปลกกว่าชั้นอื่นหน่อย ตรงที่ยูนิตที่พักอาศัยรอบนอกถูกถอดออกกลายเป็น ที่จอดรถไป โดยเก็บพื้นที่ชั้นในที่รายล้อมสระว่ายน้ำเอาไว้ขายในราคาพรีเมี่ยม
สำหรับ Floor Plan และทิศทาง เนื่องจากตึกเป็นตัว L ประกบเข้าหากันเป็นรูป สี่เหลี่ยม ดังนั้นห้องหลักๆก็จะมีด้วยกัน 4 ทิศ คือเหนือใต้ออกตก ก็ให้เลือกตาม Priority วลีนี้เลย เหนือใต้ ก่อนออกตก
ส่วนวิวนั้นจะมีด้วยกันทั้งหมด 2 แบบ คือหันเข้ากับหันออก ห้องที่หันออกไปเจอโครงการพี่น้องอย่าง The Niche Citi ก็จะมีตึกเพื่อนบ้านช่วยบังแดดให้ แต่ก็ถูกบังวิว ทิศที่ไม่ถูกบังวิวก็คงจะเห็นหลังคาตึกแถวบ้านเรือนรอบข้างยาวๆไป แต่ก็คงมองไม่เห็นอะไรมากเพราะเป็นคอนโดตึกเตี้ยแค่ 8 ชั้น
ทาง Think of Living แนะนำให้เลือกวิวสระว่ายน้ำ เพราะว่ามันดีกว่ากันมาก เดี๋ยวจะมาบอกว่ามันดีกว่ากันอย่างไร
Lobby ขนาดเล็กๆพร้อมเป็นออฟฟิศของนิติบุคคลด้วยเลย ข้างๆเป็นที่ตั้งของตู้จดหมายและทางเดินผ่านไปสระว่ายน้ำ
นี่เป็นดีไซน์ตู้จดหมายที่ชั้น G เขียวๆลายๆ ดูผ่านๆก็สวย Modern ดูมากๆก็จะมึนๆเพราะมันลายตา อย่างไรก็ตามมีข้อดีตรงที่เราสามารถจำ “สี” ได้ว่า ห้องเรา Mailbox สีอะไร
นี่เป็นที่นั่งแถว Lobby นั่งได้ 3-4 คน ไม่มีอะไรมาก
นี่แหละครับ High Light ของโครงการนี้ ส่วนกลางที่ออกแบบเหมือน Resort ได้ทั้งอารมณ์ และลมเย็นๆที่พัดโชยมาตลอด
วิวสระว่ายน้ำจึงเป็นวิวที่ดีมาก โดยเฉพาะยูนิตชั้น G ที่ติดสระว่ายน้ำเลย เหมือนว่าเดินออกมาก็เจอร่มพร้อมชุดเก้าอี้ นั่งได้ทันที
อาคารทางด้านขวาเป็น Fitness ที่เครื่องเล่นถูกยกหนีน้ำไป ในช่วงน้องน้ำมา แต่สุดท้ายก็ไม่เข้าโครงการ คาดว่าจะเอามาคืนเร็วๆนี้
สุดท้ายมาดูมุมสวนริมทางเดินและม้าทั้งริมทางที่ตกแต่งคล้ายๆโรงแรมครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ
- สวนรอบสระว่ายน้ำ
- สระว่ายน้ำ
- Lift x 2
- ห้องฟิตเนสริมสระ
- ห้อง Lobby
- ที่จอดรถที่ชั้น G เพียงพอ 40% ของจำนวนยูนิต
รูปแบบห้องและราคาเปิดขาย
คำว่า “id” ของ The Niche id ย่อมาจาก identity ที่ทางโครงการคิดไอเดียให้ลูกค้าเลือกสีเฟอร์นิเจอร์ได้ แทนที่จะ Fix ไม่ให้ขยับตัวเหมือนกับโครงการ The Niche Citi ที่ผ่านมา ห้องที่ขายก็มีตั้งแต่ 28 ตารางเมตรไปจนถึง 54 ตารางเมตรที่เป็นห้องมุม แต่ยูนิตส่วนใหญ่ของตึกนึงจะเป็น 1 Bedroom ที่มีขนาดระหว่าง 35 – 43 ตารางเมตร ราคาขายอยู่แถวๆ 1.4 ล้านขึ้นไป
- ราคา Studio ห้อง C204 ชั้น 2 พื้นที่ 28 ตารางเมตร ราคาขาย 1.117 ล้านบาท = 39,900 บาทต่อตารางเมตร
- ราคา 1 Bedroom ห้อง C102 ชั้น G พื้นที่ 44.2 ตารางเมตร ราคาขาย 1.909 ล้านบาท = 43,200 บาทต่อตารางเมตร
เงื่อนไขการชำระเงิน
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา 35,000 บาท
- ดาวน์ 10%
- ส่วนกลางตารางเมตรละ 30 บาทต่อเดือน
- กองทุน ตารางเมตรละ 500 บาท
- ค่าเปลี่ยนสัญญาก่อนโอน 30,000 บาท
Product Walkthrough
ห้องตัวอย่างมี 2 Type อันนี้เป็นสี Walnut ผมได้ Cover ไว้แล้วในส่วนของ Video รีวิว ก็รับชมกันไปนะครับ อาจต้องเปิดเสียงนิดนึงตอนแรกเพราะบังเอิญผมเอามือไปบังไมโครโฟน -_-;; แย่จริงๆ
ห้องสีขาว White Chic นี้เป็นห้องขนาด 1 Bedroom 41.5 ตารางเมตร ที่ผมกำลังจะรีวิว
ห้องแบบ 41.5 ตารางเมตร มีผังห้องโดยรวมเป็นแบบนี้ ฟังก์ชั่นแบ่งออกเป็น 4 ส่วนคือห้องนั่งเล่นที่เดินเข้ามาก็เจอเลย ห้องครัวแยกส่วนในด้านหลังพร้อมระเบียง ห้องนอนด้านในและห้องน้ำที่แชร์กันใช้ระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่น
รายการวัสดุระบุไว้หน้าห้องตัวอย่างเลยว่าใช้อะไรบ้าง แบบนี้ดีครับผมชอบ ไม่ต้องไปเสียเวลาเดาหรือถามพนักงานขาย เพราะไม่รู้จะปิดบังกันไปทำไม สุดท้ายก็ต้องให้ตามที่เขียนอยู่ดี
จุดปะทะสายตาจุดแรกก็จะเป็นชั้นวางทีวีที่อยู่ทางซ้ายมือ โดยจะต้องบอกว่า Furniture ทุกชิ้นไม่รวม Prop รวมอยู่ในราคาขายแล้วทั้งหมด ไม่สามารถยกเลิกหรือเลือกเอาไม่เอาเป็นชิ้นๆได้ นอกจากจะคุยกันเป็นกรณีพิเศษกับทางโครงการ โดยเฟอร์ทั้งหมดสั่งทำมาจาก SB Furniture ครับ
โซฟาพร้อมโต๊ะกลางอยู่ทางขวามือ โต๊ะกลางไม่ไหวแฮะ เล็กไปนิดนึง คงต้องหาตัวใหญ่กว่านี้
มุมข้างๆทางเดินไปยังห้องครัวก็สามารถจัดวางโต๊ะรับประทางอาหารได้ ในภาพใช้โต๊ะเล็กเพื่อไม่ให้บังทางเข้าห้องครัว แต่ส่วนตัวผมว่าเขยิบออกมาอีกหน่อย แล้วเปลี่ยนเป็นโต๊ะใหญ่กว่านี้ Built ติดกำแพงทางขวาไปให้กลายเป็น Island จะดูดีกว่ามาก
ถัดจากประตูเข้าห้องครัวก็คือประตูเข้าห้องนอนใหญ่
เราเลือกเดินไปที่ห้องครัวก่อนโดยครัวก็ไม่มีเตาให้ ต้องติดตั้งเอง มีทางออกระบายอากาศไปยังระเบียงเรียบร้อย และสามารถปิดบานเลื่อนที่เชื่อมกับห้องรับแขกได้ พื้นครัวใช้กระเบื้องขนาด 12×12 พื้นระเบียงใช้กระเบื้อง 8×8 คอมเพรสเซอร์แอร์มีที่แขวนไว้ให้เรียบร้อย
แอร์โครงการนี้ให้แค่ตัวเดียวคือในห้องนอน เป็นยี่ห้อ York ไม่มีแอร์ในห้องรับแขกถ้าอยากได้ก็ต้องเปิดประตูให้อากาศเชื่อมเข้าหากัน
ทางเดินไปยังห้องน้ำมีพื้นที่เพียงพอจะปรับฟังก์ชั่นเป็นมุมแต่งตัวเล็กๆ ให้ความรู้สึกดีและเป็นส่วนตัว
ถ่ายซูมกันนิดนึงกับเฟอร์นิเจอร์พวกนี้ที่ทาง SB เป็นผู้ประกอบให้ โดย Furniture จะเป็นลอยตัว ยกเว้นชุดครัวที่เป็น Built-in
ห้องน้ำประหลาดมากคือใช้กระเบื้องผนังแผ่นใหญ่กว่ากระเบื้องพื้น มันเลยดูสวยแบบไม่สมมาตร แต่อย่างไรก็ตาม ดีกว่าห้องน้ำที่ใช้กระเบื้องแผ่นเล็กทั้งผนังและพื้นอยู่เยอะ
สุขภัณฑ์ Cotto เลือกแบบมาใช้ได้สำหรับคอนโดตารางเมตรละ 40,000 บางทีอาจดีเกินไปด้วยซ้ำ เพราะเห็นพวกห้องละ 60,000 บาทต่อตารางเมตรก็ใช้ของไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไร
ตรงนี้เป็น Shower ถ้าติดกระจกกั้นเข้าไปหน่อยคงจะสวย แต่ดูจาก Space ที่ขนาดยังไม่เต็ม 2 แผ่นกระเบื้อง ก็พบว่าอาจจะติดตั้งได้ยากเพราะมันแคบไปหน่อยนึง
สุดท้ายเราเอาภาพถ่ายในแนวกว้างมาให้ดู รับรู้ถึงมิติของห้องครับ
เจาะลึกรวบยอด
ทำเลอย่าง The Niche id นั้นเรียกว่าเป็นทำเลประเภท “ก้ำกึ่ง” จะสร้างอะไรก็ได้ตั้งแต่บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม แต่สนนราคาของสินค้าแต่ละประเภทและการวางตัวของสินค้าก็ต้องแตกต่างกัน ถ้าจะประมาณราคาขายของตลาดคร่าวๆก็น่าจะอยู่ประมาณ 8-10 ล้านบาท สำหรับบ้านเดี่ยว 4-6 ล้านสำหรับทาวน์เฮ้าส์ และ 1-2 ล้านสำหรับคอนโดมิเนียมในย่านบางกะปิห่างจาก The Mall ราวๆ 1 กิโลเมตรเศษ ซึ่งระดับราคานี้ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า กลุ่มลูกค้าไม่มีทางกระโดดข้ามกันได้ง่ายๆ คนที่พึ่งจบ เริ่มทำงาน อยากได้บ้านเป็นของตัวเองแถวบางกะปิ คงจะไม่มีทางไปผ่อนเดือนละ 30,000 กว่าบาทเพื่อซื้อ Town House ได้หรอก ซึ่ง The Niche id จะเป็นคำตอบของคนกลุ่มนี้ แทนที่จะผ่อนห้องเช่า Apartment ราคา 5,000 – 6,000 บาทต่อเดือน ก็ประหยัดอีกหน่อยหาเงินมากขึ้นอีกนิด เอาเงินมาผ่อนคอนโดแถวๆ 10,000 บาทต่อเดือน เพื่อให้ได้บ้านเป็นของตนเองน่าจะดีกว่ามาก
ราคาของ The Niche id เริ่มต้นแพงกว่ารุ่นพี่อย่าง The Niche Citi ที่เปิดตัวในราคาตารางเมตรละ 35,000 อยู่ประมาณ 5,000 บาทต่อตารางเมตร คือแถวๆตารางเมตรละ 40,000 บาท ใครที่ซื้อ The Niche Citi ไปคงจะดีใจไม่น้อยที่ราคาขึ้นมาแล้ว 14% ก็เรียกง่ายๆว่าลูกค้าเก่ากำไรค่าส่วนต่างของราคาต่อตารางเมตรไป 14%
ปัจจุบันราคาของ The Niche id ก็จะไปเทียบเคียงกันกับ Happy Condo ที่อยู่ในทำเลใกล้เคียง ปรากฏว่าราคาเบียดกันมากแทบไม่ห่างกันเลยที่ 1 ล้านเศษ ความคุ้มของราคาต่อตารางเมตรจึงสามารถกล่าวได้ว่า The Niche id อยู่ในระดับเดียวกับตลาด คือไม่ได้เปรียบและไม่เสียเปรียบคู่แข่ง ส่วน The Niche Citi นั่นลอยลำไปแล้ว
เรามาดูกันในเรื่องของวัสดุบ้าง ก็ต้องบอกว่าวัสดุที่ให้นั้นสมราคากับเงินที่จ่ายไป จะมีจุดเด่นก็คือกระเบื้องปูผนังในห้องน้ำที่ปูด้วยแกรนิตโต้ 60 x 60 ทำให้ดูดีกว่าห้องน้ำของคอนโดตารางเมตรละ 40,000 บาททั่วไป ส่วนข้อด้อยจะเป็นพวกวงกบไม้ประตูบานเลื่อนไม้ที่ดูสวยสู้บานเลื่อนกระจกตัดแสงกรอบอลูมิเนียมไม่ได้
สาธารณูปโภคต้องบอกว่าประทับใจกับความเป็น Resort Condominium ของ The Niche Citi ที่ไม่น่่าจะมี Facility แบบนี้เมื่อเทียบกับราคาเพียงเท่านี้ สวน สระน้ำและบรรยากาศลมอ่อนๆชวนให้เคลิ้มกับความสงบของคอนโดตึกนี้ ไม่ทราบว่าผมเข้าไปถูกจังหวะเวลาหรือเปล่า ในช่าง 17:30 น. ซึ่งบังเอิญเป็นเวลา Prime Time ของบรรยากาศริมสระน้ำ แต่เท่าที่ผมสังเกตครอบครัวลูกบ้านที่เข้าอยู่อาศัยแล้วก็พบว่าหลายบ้านเปิดประตูรับลมริมสระ พาเด็กๆออกมาเดินเล่นกันในตอนเย็นมีสีหน้าเบิกบาน ผมเลยทราบว่าผมคงไม่ได้คิดเข้่าข้างความรู้สึกของตัวเองไปคนเดียว
เรื่องชื่อเสียงเสนาฯก็ทำหมู่บ้านจัดสรรมานานหลายสิบปีแต่ก็พึ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ขยายกิจการได้ไม่นานมานี้ ขนาดของบริษัทและยอดขายก็ไม่มาก จัดว่าเป็นบริษัทระดับกลางที่สมควรจะได้คะแนนกลางๆในเรื่องชื่อเสียง ส่วนคุณภาพงานก่อสร้างก็ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอยู่บ้างให้ไล่ทันความเนี๊ยบของบริษัทรุ่นพี่อย่างพวก Land & Houses
สุดท้ายเรามาดูกันในเรื่องแบบ ที่อาคารวางตัวเป็นรูป Double L หันเข้าหากันเป็นสี่เหลี่ยมมีสระน้ำอยู่ตรงกลาง จริงๆแล้วดูสวยงามแต่อาจไม่ดีนักเพราะจะมียูนิตที่หันรับทิศตะวันออกตะวันตกเท่าๆกับทิศเหนือใต้ ทำให้ยูนิตเหล่านั้นโดนแดดเต็มๆทำให้ร้อน ประเด็นต่อมาคือคอนโดนี้อยู่ในทำเลที่มีรถยนต์แล้วจะเดินทางสะดวก แต่มีที่จอดรถอยู่ประมาณ 40% เท่านั้นซึ่งอาจไม่เพียงพอ แต่ในมุมกลับกัน การดีไซน์ที่จอดรถให้อยู่รอบนอกของตัวตึกก็ทำให้ยูนิตชั้น G ได้พื้นที่ที่เป็นพื้นดินรอบสระน้ำ เสมือนว่าเป็นห้องพักตากอากาศตามคอนเซปต์ของโครงการ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่ายูนิตแบบนี้ต้องแพงที่สุดในตึก … และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ราคายูนิตชั้น G เทียบเท่าชั้น 8 เลยครับ
Judgement
- ทำเล 8.5/10 – เทียบราคากับทำเล ถ้าจ่าย 40,000 บาทต่อตารางเมตรได้คอนโดในระยะ 1 กิโลเศษจาก The Mall บางกะปิ, ม. รามฯ และ ม. ABAC ก็คุ้มระดับหนึ่ง
- ชื่อเสียง 7.5/10 – SENA Development
- ราคา 7.5/10 – มาตรฐาน เทียบเคียงกับ Happy Condo แล้วไม่แตกต่างกันเท่าไร แต่ถ้าเทียบกับ The Niche Citi จะแพงกว่าพอสมควร
- วัสดุ – 8/10 ถ้าเทียบกับโครงการราคา 40,000 บาทต่อตารางเมตร ต้องบอกว่าเสนาให้ของดีกว่ามาตรฐาน เฟอร์ใช้ของ SB
- แบบ – 8.5/10 ออกแบบมาสวยสมราคาสำหรับ Furniture ต่างๆในห้องและส่วนกลางออกแบบมาก็สอดคล้องกับ Concept ของ Resort Condominium
- สาธารณูปโภค – 9.0/10 มีไม่เยอะมากแต่สวย ใช้ได้จริง ให้บรรยากาศรีสอร์ทที่ดูดี สบายเหมือนไปพักผ่อน
Final Score: Grade B (8.2/10)